วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2552

การสืบพันธุ์
การสืบพันธุ์ หมายถึง การเพิ่มจำนวนลูกหลานที่มีลักษณะเหมือนเดิมของสิ่งมีชีวิต โดยที่สิ่งมีชีวิตรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้นนี้จะทดแทนสิ่งมีชีวิตรุ่นเก่าที่ล้มหายตายจากไป ทำให้สิ่งมีชีวิตเหลือรอดอยู่ในโลกได้โดยไม่สูญพันธุ์ไป การสืบพันธุ์มี 2 วิธี คือ
การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ (Asexual reproduction) เป็นการเพิ่มจำนวนลูกหลานที่ไม่ต้องอาศัยเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง และไม่มีการผสมกันของเซลสืบพันธุ์ เช่น การแบ่งเซลของแบคทีเรีย การแตกหน่อของไฮดรา
การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ (Sexual reproduction) เป็นการสืบพันธุ์ที่ต้องอาศัยเพศโดยที่มีการสร้างเซลสืบพันธุ์เพศผู้และเซลสืบพันธุ์เพศเมียแล้วผสมกันเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตหน่วยใหม่ซึ่งมีลักษณะเหมือนพ่อและแม่
การสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
การสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวมีทั้งแบบอาศัยเพศ และไม่อาศัยเพศ การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศส่วนหใญ่เป็นการแบ่งเซลล์เป็น 2 ส่วนเท่าๆกัน (Binary Fission) เช่น อะมีบา พารามีเซียม บางสิ่งสืบพันธุ์โดยการแตกหน่อ (Budding) เช่น ยีสต์ นอกจากนี้สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวบางชนิดก็มีลักษณะการสืบพันธุ์คล้ายการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ เช่น พารามิเซียม เซลล์มี 2 นิวเคลียส คือ ไมโครนิวเคลียส (Micronucleus) และแมโครนิวเคลียส (Macronucleus) พารามิเซียม 2 เซลล์จะจับคู่กัน (Conjugation) เพื่อแลกเปลี่ยนสารพันธุกรรม จากนั้นจึงแยกกัน และแบ่งเซลล์เพิ่มจำนวนตามปกติ

การสืบพันธุ์ของสัตว์
การสืบพันธุ์ของสัตว์มีทั้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศพบในสัตว์ที่มีร่างกายไม่ซับซ้อน และมีความสามารถในการงอกใหม่ เช่น พลานาเรีย ดาวทะเล สัวต์พวกนี้สามารถสืบพันธุ์ด้วยวิธีการงอกใหม่ซึ่งเกิดขึ้นโดยส่วนของร่างกายที่ขาดออกไปหรือสูญเสียไปด้วยสาเหตุใดก็ตามก็สามารถเจริญเติบโตเป็นตัวใหม่ได้ ทำให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น
สัตว์หลายชนิด เช่น ฟองน้ำ และไฮดรา สามารถสร้างสิ่งมีชีวิตใหม่จากเซลล์ และกลุ่มเซลล์ของเดิม เรียกว่า หน่อ ซึ่งจะเจริญจนกระทั่งได้เป็นสิ่งมีชีวิตตัวใหม่ที่เหมือนเดิม แต่มีขนาดเล็กกว่า ต่อมาหน่อจะหลุดออกมาจากตัวเดิมและเจริญเติบโตต่อไป
การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศเกิดจากการปฏิสนธิ (Fertilization) ของเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้หรืออสุจิ กับเซลล์สืบพันธุ์เพศเมียหรือเซลล์ไข่ อาจจะเกิดภายในหรือภายนอกร่างกายของสัตว์เพศเมียก็ได้ แล้วเอากัน โดยเซลล์ไข่ที่ได้รับการผสมแล้วเรียกว่าไซโกต จะเจริญเติบโตเป็นเอ็มบริโอ และตัวเต็มวัยที่สามารถสืบพันธุ์เพิ่มจำนวนประชากรต่อไปได้
สัตว์ส่วนใหญ่มีอวัยวะเพศแยกกันอยู่คนละตัวเป็นสัตว์เพศผู้และเพศเมีย แต่บางชนิดจะมีทั้งสองเพศในตัวเดียวกันเรียกว่า กะเทย (Hermaphrodite) เช่น ไฮดรา พลานาเรีย ไส้เดือนดิน เป็นต้น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ

การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ
1. การแตกหน่อ คือ สิ่งมีชีวิตที่สร้างหน่อขึ้นมาได้และหน่อนั้น
จะเจริญขึ้นถึงระยะหนึ่ง แล้วจะหลุดออกและเจริญเป็นตัวใหม่ที่
สมบูรณ์เหมือนตัวเดิม
2. การสร้างสปอร์ เช่น เห็ด รา จะสร้างสปอร์โดยส่วนใดส่วน
หนึ่งของเซล เมื่อสปอร์แก่จะปลิวไปตามที่ต่าง ๆ ที่มีสภาพ
เหมาะสมและจะงอกเป็นชีวิตใหม่
3. รีเจเนอเรชัน (Regeneration)
ส่วนมากพบในสัตว์ชั้นต่ำไม่มีกระดูก และในระยะเอมบริโอ
ของไฮดรา ซีแอนนีโมนี พลานาเรีย และปลาดาว รีเจเนอเรชันคือ
การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ จะมีการสร้างส่วนของร่างกายที่
ขาดหายไปขึ้นมาใหม่ เช่น การงอกของหางจิ้งจก
4. การแบ่งออกเป็นสองส่วน โปรติสต์ที่สืบพันธุ์โดยการแบ่ง
ออกเป็นสองส่วน เช่น พารามีเซียม อมีบา และยูกลีนา
5. การเพิ่มจำนวนเซล การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของสิ่งมี
ชีวิตต้องมีการแบ่งเซลไมโทซิส (mitosis) คือ การแบ่งเซลจาก 1
เซล เป็น 2 เซล โดยส่วนประกอบต่าง ๆ ของเซลใหม่เหมือน
เซลเดิมทุกประการ
ขั้นตอนการแบ่งเซลแบบไมโทซิส
1. เซลจะต้องสร้างไซโทพลาสซึมและส่วนประกอบต่าง ๆ
ภายในไซโทพลาสซึมเพิ่มขึ้น จนกระทั่งมีขนาดใหญ่ขึ้นเกือบ
เท่าตัว
2. มีการสร้างโครโมโซมเพิ่มอีก 1 ชุด
3. มีกระบวนการแยกโครโมโซม 2 ชุด
4. มีการแบ่งไซโทพลาสซึมของเซลเดิมออกเป็น 2 ส่วน
ระยะต่าง ๆ ของไมโทซิส แบ่งเป็น
1. ระยะอินเตอร์เฟส เซล ยังมีเยื่อหุ้มนิวเคลียสอยู่ เป็นระยะที่
เส้นใยโครมาทิดยังติดกันตรงเซนโทรเมียร์ (Centromere) หรือไค
เนโทคอร์ (chinetochore)
2. ระยะโพรเฟส ระยะที่เห็นแท่งโครมาทิดชัดเจนและเยื่อหุ้ม
นิวเคลียสจะค่อย ๆ สลายตัว เซนตริโอลจะสร้างใยโปรตีนไมโท
ทิกสปินเดิล (mitoticspindle) ไปเกาะที่เซนโทรเมียร์ของแต่ละ
โครโมโซม
3. ระยะเมทาเฟส เห็นโครโมโซมชัดเจนที่สุด เซนโทรเมียร์แต่
ละโครโมโซมแบ่งตัว และโครมาทิดพร้อมจะแยกตัว
4. ระยะแอนาเฟส โครมาทิดของโครโมโซมถูกดึงโดยไมโท
ทิกสปินเดิลให้แยกออกจากกัน แล้วเคลื่อนที่ในทิศทางตรงข้าม
5. ระยะเทโลเฟส กลุ่มของโครมาทิดแยกจากกัน เป็น
โครโมโซมของเซลใหม่ แต่ละกลุ่มจะมีเยื่อหุ้มจนในที่สุดจะมี
สภาพเหมือนระยะอินเตอร์เฟส

การปฏิสนธิ

การการปฏิสนธิ คือ การที่นิวเคลียสของเซลล์อสุจิเข้ารวมตัวตัวนิวเคลียสของเซลล์ไข่ เกิดเป็นไซโกตหลังจากนั้นอีก 30-37 ชั่วโมง ไซโกตจะแบ่งตัวจาก 1 เป็น 2 จาก2 เป็น 4 จนได้กลุ่มเซลล์ที่เรียกว่า เอ็ฒบริโอ ( Embyo ) เอ็มบริโอนี้จะเคลื่อนที่ไปฝังตัวที่ผนังมดลูกซึ่งหนาตัวขึ้นเพื่อรองรับการฝังตัวของเอ็มบริโอ และเมื่อตัวอ่อนฝังตัว ที่ผนังมดลูกจะมีการพัฒนาอวัยวะพิเศษของตัวอ่อนคือรก ซึ่งทำหน้าที่ดูดซึมอาหารและออกซิเจนจากผนังมดลูกของแม่ส่งมาเลี้ยงตัวอ่อน ดังนั้นขณะที่ทารกอาศัยอยู่ ในครรภ์จะได้รับอาหารและอากาศโดยผ่านทางรก หลอดเลือดจากรกจะเซื่อมต่อกับตัวทารกทางสายสะดือขณะที่ทารกเจริญเติบโตอยู่ในครรภ์ ทารกจะอาศัยอยู่ใน ถุงน้ำคร่ำ ซึ่งทำหน้าที่ช่วยป้องกันอันตราย ทารกจะเจริญเติบโตในครรภ์มารดาประมาณ 38 สัปดาห์หรือ 9 เดือน หรือ 280 วันนับจากวันแรก ของกา รมีประจำเดือน ครั้งสุดท้าย

เมื่อครบกำหนดคลอด รกจะเริ่มเสื่อมสภาพ ทารกเตรียมพร้อมที่จะคลอด และมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับตัวแม่ โดยฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองจะกระตุ้นให้ กล้ามเนื้อผนังมดลูกบีบตัว ประกอบกับการหดตัวของกล้ามเนื้อหน้าท้องทำให้ปากมดลูกเปิด ถุงน้ำคร่ำจะแตก มดลูกจะบีบตัวอย่างแรง ดันให้ทารกคลอดออกมาทาง ช่องคลอด โดยปกติส่วนหัวของทารกจะโผล่ออกมาก่อนหลังจากทารกคลอดออกมา แพทย์จะผูกสายสะดือให้แน่นทั้งทางด้านตัวแม่และทาง ด้านตัวลูกก่อนที่จะตัด สายสะดือเพื่อป้องกันการเสียเลือด หลังจากทารกคลอดออกมาประมาณ 10-15 นาที มดลูกจะบีบตัวให้รกหลุดออกมา


เมื่อทารกคลอดออกมาแล้ว น้ำนมแม่เป็นอาหารที่วิเศษที่สุดสำหรับทารก เพราะน้ำนมแม่มีสารอาหารที่ครบถ้วน รวมทั้งโปรตีนที่เป็นภูมิคุ้มกันโรคทารกที่ดื่ม น้ำนมแม่จะมีสุขภาพแข็งแรงไม่ติดโรคง่าย และการดื่มนมแม่ทารกจะได้รับความรักความอบอุ่นและผูกพันจากแม่

การคุมกำเนิด

การคุมกำเนิด เป็นวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดการตั้งครรภ์ การคุมกำเนิดมีหลายวิธี
1. วิธีธรรมชาติ ใช้วิธีการงดการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลาก่อนมีประจำเดือน 7 วันและ หลังการมีประเดือน 7 วัน
2. การใช้อุปกรณ์ ในเพศชายใช้ถุงยางอนามัย ส่วนในเพศหญิงแพทย์จะเป็นผู้ใส่ให้ เช่นใส่ห่วงอนามัย หรือถุงยางอนามัย

การใส่ห่วงอนามัย
การใส่ฝาครอบ

3. การใช้สารเคมี เช่น ยาโดยการกินยาคุมกำเนิดหรือฉีดยาคุมกำเนิดเพื่อยับยั้งการตกไข่
4. การผ่าตัดทำหมัน ทำได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง ในฝ่ายชายแพทย์จะผูกและตัดหลอดนำอสุจิ ส่วนในเพศหญิงแพทย์จะผูกและตักท่อนำไข่ทั้ง 2 ข้าง เพื่อป้องกันไม่ให้อสุจิเข้าผสมกับไข่

การทำหมันหญิง
การทำหมันชาย
การผสมเทียม การผสมเทียมเป็นการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ โดยไม่ต้องมีการร่วมเพศตามธรรมชาติ เป็นการแก้ปัญหาการมีบุตรยาก ปัญหาเรื่องโรคพันธุกรรม และการเลือกเพศบุตร ในกรณีที่ฝ่ายชายผิดปกติ เช่นสามีมีอสุจิน้อยกว่าปกติหรือมีตัวอสุจิที่ไม่แข็งแรง หรือในกรณีสามีมีความบกพร่องของหน่วยพันธุกรรมหรือบกพร่องทางโครงสร้าง และการทำงานของระบบสืบพันธุ์ทำให้ไม่สามารถมีลูกได้เอง แพทย์จะแก้ปัญหาโดยการนำอสุจิฉีดเข้าไปที่บริเวณคอมดลูกของหญิง อสุจิที่นำมาใช้ผสมเทียม อาจนำ มาจากสามีหรืออาจได้จากชายอื่นก็ได้ ในกรณีที่ฝ่ายหญิงผิดปกติ เช่นท่อนำไข่ตีบตัน หรือมีพังผืดบริเวณท่อนำไข่จนไข่มาสามารถเดินทางมาผสมกับอสุจิได้ แพทย์จะแก้ปัญหาโดยนำไข่จากรังไข่ของฝ่าย หญิงออกมาเพื่อผสมกับอสุจิภายนอกร่างกาย เมื่อเกิดการปฏิสนธิแล้ว จึงนำเอาเอ็มบริโอฉีดกลับเข้าไปทางช่องคลอดเพื่อให้เอ็มบริโอเข้าไปฝังตัวและเจริญเติบโตในมดลูก ต่อไป เราเรียกทารกที่ถือกำเนิดโดยวิธีนี้ว่า เด็กหลอดแก้ว การทำกิ๊ฟ เป็นวิธีการผสมเทียมอีกวิธีหนึ่งแพทย์จะให้ผู้ที่ต้องการมีบุตรกินฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นการตกไข่แล้วจะเจาะหน้าท้องฝ่ายหญิง เพื่อดูดเซลล์ไข่เข้าไปในหลอดฉีด จากนั้นบรรจุอสุจิที่เตรียมไว้โดยมีฟองอากาศคั่น แล้วฉีดไข่และอสุจิในหลอดกลับเข้าไปในท่อนำไข่ ไข่และอสุจิจะเข้าผสมกันเองภายในท่อนำไข่ตามวิธีธรรมชาติต่อไป ถ้าไข่ได้รับการผสมก็จะเคลื่อนที่ไปฝังตัวในมดลูก ถ้าไม่ได้รับการผสมก็จะสลายไป การทำกิ๊ฟต่างจากเด็กหลอดแก้ว ตรงที่เซลล์ไข่ที่ใส่กลับเข้าไปในร่างกาย ยังไม่ได้รับการผสมต่อเมื่อเข้าไปในท่อนำไข่แล้วอสุจิจึงจะเข้าผสมได้ แต่เด็กหลอดแก้วนั้นได้รับการผสมนอก ตัวแม่จนปฏิสนธิแล้วจึงใส่กลับเข้าไปในมดลูกแม่